top of page
รูปภาพนักเขียนTarn

เพราะทุกวันคือวันเด็ก #2 เด็กในใจก็ต้องได้รับการดูแล The Boy, the Mole, the Fox and the Horse

อัปเดตเมื่อ 14 ก.พ.

หนังสือฮีลใจสำหรับเด็กน้อย เด็กใหญ่

และเด็กๆ ในตัวทุกคน




สวัสดีปีใหม่ค่าทุกคน ปีนี้เปิดมาแบบงานชุม


ปั่นงานปิดท้ายปีกันเลยทีเดียว 555


ว่าแต่ ปีนี้เรามีนักเขียนรับเชิญ คุณ Jinny Ongartthaworn (จินนี่) ให้เกียรติมาแชร์หนังสือภาพเล่มโปรด ในธีม My Favourite Picturebooks as an Adult (หนังสือภาพเล่มโปรดของคนโตแล้ว) กับเราด้วยค่ะ



เรากับคุณจินนี่ชอบหนังสือภาพเหมือนกัน เคยคุยกันว่า อยากแบ่งปันหนังสือภาพที่ชอบ (ในฐานะผู้ใหญ่) ให้นักอ่านคนอื่นๆ ด้วย แล้วก็ประจวบเหมาะพอดี คุณจินนี่รีวิวหนังสือเรื่อง The Boy, the Mole, the Fox and the Horse เข้ามา หนังสือเล่มที่มีเนื้อหาโอบอุ้มทั้งใจของเด็กๆ และเด็กในใจผู้ใหญ่หลายคน ดูยังไงก็น่าจะเหมาะกับเทศกาลวันเด็กที่สุดแล้ว ว่าไหมล่ะคะ




-------------------------------------------------


The Boy, the Mole, the Fox and the Horse


โดย Charlie Mackesy


ผู้รีวิว: จินนี่



หนังสืออุ่น ๆ ที่เราว่าเหมาะกับการซื้อเป็นของขวัญช่วงเทศกาล



ช่วงที่ยังอยู่ยุโรป เราเห็นหนังสือเล่มนี้วางขายในเกือบทุกร้านหนังสือที่ไป ทั้งในอังกฤษ เนเธอร์แลนด์ ฝรั่งเศส จนลงเอยซื้อที่ร้านหนังสือแสนสวย Shakespeare & Company ในปารีส ด้วยความอยากรู้อยากเห็นประกอบกับอยากได้ตราประทับพิเศษของร้าน (เป็นทั้งเหยื่อการตลาดของหนังสือและของร้านหนังสือ)




นิทานที่วาดและเขียนขึ้นด้วยปากกาคอแร้งกับหมึกดำ ต้องใช้เวลาสักพักถึงจะคุ้นลายมือและลายเส้นที่ยุ่งตัดกันไปมา เข้มบ้างรางบ้าง ราวกับจะบอกให้เราหัดใช้จินตนาการเสียบ้าง เป็นส่วนผสมที่เรามองว่าเป็นเสน่ห์ของหนังสือเล่มนี้



“Isn’t it odd. We can only see our outsides,

but nearly everything happens on the inside.”

“แปลกไหม เรามองเห็นได้แค่ภายนอกของตัวเอง แต่เกือบทุกสิ่งเกิดขึ้นข้างใน”



ชื่อเรื่องมาจากตัวละครหลักทั้งสี่ ได้แก่ เด็กชาย ตัวตุ่น สุนัขจิ้งจอก และม้า ทั้งสี่โคจรมาพบกันระหว่างทาง สนทนากัน เดินทางร่วมกัน จนก่อเกิดเป็นมิตรภาพและกลายเป็น “บ้าน” ของกันและกัน



จะว่าไม่มีอะไรมากก็ได้ แต่เรากลับชอบบทสนทนาที่ตั้งใจเขียนไว้กว้าง ๆ ให้เราอ่านเรื่องตามพล็อตของนิทานก็ได้ แต่ในขณะเดียวกันก็ทำให้กลับมาคิดถึงชีวิตของตัวเอง นอกจากนี้ยังกลับมาอ่านซ้ำในแต่ละช่วงชีวิตได้ด้วย ไม่ว่าจะอ่านตอนเด็ก ตอนอายุยี่สิบ สามสิบ หรือห้าสิบ ความรู้สึกและเรื่องราวที่นึกออกในหัวตอนอ่านประโยคเดียวกันก็จะไม่เหมือนกัน แต่ไม่ว่าเราจะคิดถึงอะไร หนังสือก็จะเป็นเหมือนเพื่อนที่คอยพูดให้เรารู้สึกดีขึ้น



“Sometimes I worry you’ll all realise I’m ordinary,” said the boy.

“Love doesn’t need you to be extraordinary,” said the mole.

“บางครั้งฉันก็กลัวพวกเธอจะรู้ว่าฉันเป็นคนธรรมดา” เด็กชายเอ่ย

“ความรักไม่ได้เรียกร้องให้เธอต้องไม่ธรรมดา” ตัวตุ่นตอบ



คุณชาร์ลีผู้เขียนให้สัมภาษณ์ว่าตัวละครทั้งสี่เป็นตัวแทนแต่ละด้านของคนคนเดียวกัน เด็กชายช่างสงสัย ตัวตุ่นแสนกระตือรือร้นแต่แฝงด้วยความโลภ สุนัขจิ้งจอกบาดเจ็บขี้ระแวงและเก็บตัว และม้าเจ้าปัญญาที่เปรียบกับจิตวิญญาณที่เป็นส่วนที่ลึกที่สุดในตัวเราแต่ละคน





ท่ามกลางหนังสือพัฒนาตนเองและหนังสือให้กำลังใจ แก่นแท้ของหนังสือเล่มนี้อาจจะไม่ได้ต่างจากเล่มอื่นมากนัก บางคนที่ไม่ชอบหนังสือเล่มนี้บอกว่ามันกลวง ในขณะที่คนชอบก็จะบอกว่ามันกินใจลึกซึ้ง หลายคนซื้อมากกว่าหนึ่งเล่ม บางคนซื้อไปเป็นของขวัญวันคริสต์มาสให้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ ผู้เขียนเองก็ไม่ได้คาดคิดว่าหนังสือจะขายดีขนาดนี้




“บางคืนผมตื่นขึ้นมากลางดึกด้วยความรู้สึกเปราะบาง กลัวว่ามีคนมากมายเห็นสิ่งที่ผมได้พูดออกไป แต่ก็ไม่เป็นไร เพราะผมหวังว่าหนังสือเล่มนี้จะช่วยเหลือคนได้ ผมเชื่อว่าจะมีคนที่เกลียดมัน แต่สำหรับคนที่ได้รับแรงบันดาลใจและกำลังใจจากหนังสือเล่มนี้ ผมถือเป็นเกียรติอย่างมาก”


.

เพลงที่ปกหนังสือ ประกอบเรื่องราวของเด็กชาย ตุ่น จิ้งจอก และม้า

ฟังเพลงในหนังสือได้ ที่นี่



*หมายเหตุ: หนังสือเล่มนี้ออกเมื่อปลายปี 2019 ติดอันดับ bestseller ในหลายชาร์ต รวมถึงติด shortlist หนังสือแห่งปีของ Waterstones เชนร้านหนังสือยักษ์ใหญ่ของอังกฤษ มิน่าเราถึงเห็นบ่อย


**อ้างอิงข้อมูลส่วนหนึ่งจาก: https://www.theguardian.com/books/2019/nov/09/boy-mole-fox-horse-christmas-bestseller-charlie-mackesy


***ดู Charlie Mackesy วาดหนังสือ: https://youtu.be/AJ47BQQuh_I



 


คำว่า "หนังสือภาพ" อาจจะฟังแล้วเหมือนเป็นหนังสือสำหรับเด็กเท่านั้น แต่จริงๆ แล้ว หนังสือภาพมีรูปแบบหลากหลายมากๆ



บางเล่มอาจทำมาตั้งใจสื่อสารกับเด็กเล็ก เด็กโต วัยรุ่น หรือผู้ใหญ่เป็นการเฉพาะ แต่กลับจับใจผู้อ่านได้กว้างกว่าที่คิด อย่างเช่นหนังสือเล่มนี้ ซึ่งขายดีเป็นเทน้ำเทท่า นับตั้งแต่ตีพิมพ์ออกมาในปี 2019 แค่หนึ่งปีก็ขายได้แล้วถึง 250,000 เล่ม เฉพาะในสหรัฐ และได้รับการแปลไปไม่น้อยกว่า 17 ภาษา แถมยังถูกแปลงเป็นภาพยนตร์สั้น ที่ได้รับรางวัลออสการ์เมื่อปีที่แล้ว (2023) ด้วย



ปรากฏการณ์ที่น่าสนใจสำหรับหนังสือเล่มนี้ คือ ผู้ใหญ่มากมายซื้อ The Boy, the Mole, the Fox and the Horse มาอ่านเอง ทั้งที่ตัวละครหลักเป็นเด็กและบรรดาสัตว์พูดได้ ดำเนินเรื่องไปในบรรยากาศฟุ้งฝัน ที่ชวนให้นึกถึงหนังสือชุดปีเตอร์ แรบบิต ของเบียทริกซ์ พอตเตอร์ (Beatrix Potter) หนังสือวินนี เดอะ พูห์ ของเอ.เอ. มิลน์ (A. A. Milne) และหนังสือเจ้าชายน้อย ของอองตวน เดอ แซงเตกซูเปรี (Antoine de Saint-Exupéry)


อาจดูเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นไม่บ่อย แต่หนังสือหลายเล่มก็ได้พิสูจน์แล้วว่า ไม่มีใครโตเกินไปที่จะอ่านเรื่องราวของเด็ก ซึ่งก็คงเพราะเราทุกคนล้วนเคยเป็นเด็ก และหลายคนก็ยังหวนหาความเรียบง่ายในวัยนั้นอยู่กระมัง...



แล้วเพื่อนๆ ล่ะคะ มีหนังสือภาพเล่มไหนที่มาชอบเอาตอนโตแล้วบ้าง


เขียนเข้ามาเล่าให้ฟังกันบ้างนะคะ : )



 

[ช่วง จินนี่แนะนำตัว]



สวัสดีค่ะ จินนี่ (นิลเนตร) ค่ะ เป็นเพื่อนตาลและเป็นแฟนเพจ Children’s Books Out There (ที่เปิดโลกหนังสือเด็กให้เราแบบว้าวมากเลย )


งานของเราไม่ได้เกี่ยวข้องกับหนังสือเด็ก แต่วนอยู่กับการสอน การอ่านและการขีดๆ เขียน ๆ เราชอบเดินทางและชอบหยิบจับหนังสือในที่ที่ไป โดยเฉพาะสองสามปีที่ผ่านมาชอบอ่านหนังสือภาพ


โปรเจ็กต์รีวิว #หนังสือภาพเล่มโปรดสำหรับคนโตแล้ว นี้เกิดขึ้นจากหนังสือที่อ่านสะสมมาเรื่อยๆ แต่ละเล่มส่วนใหญ่บังเอิญไปเจอแล้วชอบเลยซื้อมา ทั้งอ่านสนุกแล้วยังมีความทรงจำตอนไปเจอด้วย เลยกลายเป็นของที่ระลึกจากการเดินทางอย่างหนึ่ง นอกจากที่อ่านเองแล้ว ก็อยากรู้ด้วยว่าคนอื่นชอบเล่มไหนกันบ้าง ยินดีที่ได้รู้จักและขอบคุณที่แวะมาอ่านนะคะ


 

*บทความนี้ตีพิมพ์ในเฟสบุ๊กเพจ Children's Books Out There ที่นี่


อ้างอิง







댓글


bottom of page