top of page

เบื้องหลังการบรรณาธิการ "คุณปุ๊บปั๊บ กับเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลก" และ "ซานตาคลอส"

  • รูปภาพนักเขียน: Tarn
    Tarn
  • 2 ธ.ค. 2565
  • ยาว 2 นาที

อัปเดตเมื่อ 17 พ.ค. 2566

มาใช้หนังสือสร้างเด็กให้โตไปเป็นผู้ใหญ่สายฮากันดีกว่า!

แต่ถึงจะขายขำ ก็ชุ่มฉ่ำด้วยสาระและดีเทลนะ

และวันนี้เราจะมาเล่าประสบการณ์ (บางส่วน) ให้ฟังว่า

หนังสืออารมณ์ดีสองเล่มนี้มีขั้นตอนบรรณาธิการอย่างไรบ้าง


ree

หนังสือเรื่อง "คุณปุ๊บปั๊บ กับเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลก" และ "ซานตาคลอส" โดย เมาริ กุนนัส

สองหนังสือภาพชื่อดังจากฟินแลนด์ ที่สนพ. กล้วยเท้าเปล่า กำลังเปิดจองถึงวันที่ 11 ธค. 2565 นี้



สวัสดีค่ะ วันนี้ตาลมาแนะนำหนังสือสองเล่มที่ได้มีโอกาสทำหน้าที่เป็นบรรณาธิการเล่มให้ และเล่าเรื่องราวเบื้องหลังการบรรณาธิการส่วนที่ตาลได้ร่วมปฏิบัติงานให้ฟังค่ะ


ส่วนหนึ่งที่ตาลหายหน้าไปจากเพจก็ด้วยเหตุนี้นี่เอง 55

ขออภัยหายไปนานนะคะ



ตอนที่คุณแจนให้งานมางานแรกเรื่อง "คุณปุ๊บปั๊บ กับเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลก" เราก็รู้สึกตื่นเต้นมากเลย เพราะตามดูคุณปุ๊บปั๊บไปงานเล่านิทานตามที่ต่าง ๆ มาสักพักแล้ว เราเองก็เป็น FC นักแปลอยู่ห่าง ๆ ตั้งแต่สมัยที่คุณกุลธิดาไปพูดในงานเสวนางานหนึ่งของไบโอสโคป แต่เนื่องจากเราไม่ได้กลับไทยมาสักพักแล้ว ก็เลยไม่มีโอกาสได้อ่านเรื่องของคุณแพะผู้น่ารักผู้นี้สักที



ree


จุดเริ่มต้นของขั้นตอนบรรณาธิการส่วนของเราคือ หลังจากที่ได้รับไฟล์ต้นฉบับภาษาฟินนิชและต้นฉบับแปลมาแล้ว พออ่านต้นฉบับแปลจบ เรากับคุณแจนก็นัดวิดีโอคอลกันเพื่อบรี๊ฟงานค่ะ


ในการคุยกันครั้งแรก คุณแจนซึ่งทำการบ้านมาแล้วเป็นอย่างดีได้ชี้ให้เราเห็นว่า นอกเหนือจากการแปลชื่อตัวละครตลกปนประหลาดจากภาษาฟินนิชให้เป็นชื่อขำ ๆ ตามฉบับไทย หนังสือเล่มนี้มาพร้อมรายละเอียดที่ท้าทายเยอะแยะมากมายเหลือเกิน


อย่างแรกคือ เรื่องการตัดสินใจแปลอะไร ไม่แปลอะไร


เรื่องนี้ต้นฉบับเป็นภาษาฟินนิช แต่ว่าตัวละครไปเที่ยวต่างประเทศ ป้ายข้อความต่าง ๆ ในฉากหลังจึงเป็นภาษาอังกฤษ และภาษาต่างประเทศอื่น ๆ ที่เขียนด้วยตัวอักษรโรมัน (เช่น อิตาเลียน และโปรตุเกส) ซึ่งพอวิเคราะห์ดูแล้วก็พบว่า ข้อความภาษาต่างประเทศเหล่านั้นมีไว้เพื่อวัตถุประสงค์สามประการ คือ

  • เพื่อสร้างกลิ่นอายจาง ๆ ของวัฒนธรรมและฉากต่างประเทศ

  • เพื่ออ้างอิงหรือ "ล้อ" ชื่อสิ่งของหรือสถานที่ที่มีอยู่จริง

  • เพื่ออ้างอิงถึงแบรนด์ หรือบริษัทที่มีอยู่จริง ๆ เช่น เรือ Maid of the Mist ห้องเสื้อ MODA หรือชื่อเพลงยุคคณตาคุณยายยังเด็กในเรื่อง

ที่น่าสนใจคือ ฉากต่างประเทศบางฉากดันมีข้อความภาษาฟินนิชโผล่มาด้วย


เนื่องจากเราอ่านภาษาฟินนิชไม่ได้ (ต้องให้กูเกิลช่วย) แต่ยังดีที่อ่านเดนิชได้ เราเลยไปยืมหนังสือคุณปุ๊บปั๊บเวอร์ชันเดนิชที่ห้องสมุด มาอ่านเทียบกับคำแปลไทยกับคำแปลอังกฤษ แล้วก็ถือโอกาสสังเกตการตัดสินใจเชิงบรรณาธิการของต้นฉบับเดนิชไปด้วยในตัว


ree

คุณปุ๊บปั๊บฉบับเดนิช


สำหรับผู้อ่านเด็กและผู้ใหญ่ในประเทศต้นทางที่อ่านภาษาฟินนิชและอังกฤษผ่านตัวอักษรโรมันเหมือนกัน ภาษาต่างประเทศในต้นฉบับของฟินแลนด์ไม่ได้ดูเด่นหรือแปลกแยกจากภาษาในเรื่องเล่านัก แค่ให้กลิ่นอายต่างประเทศจาง ๆ เท่านั้น จึงไม่แปลกที่หนังสือฉบับภาษาเดนิช ซึ่งใช้ตัวอักษรโรมันเหมือนกัน ก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงภาษาต่างประเทศที่ฉากหลังต่าง ๆ แต่อย่างใด


ว่าแต่ แล้วหนังสือแปลของประเทศที่ไม่ได้ใช้ตัวอักษรโรมันล่ะ?

เมื่อเราค้นดูหนังสือคุณปุ๊บปั๊บเล่มเดียวกันนี้ ในเวอร์ชันภาษาจีน เกาหลี ญี่ปุ่น เท่าที่จะหาภาพดูบนอินเตอร์เน็ตได้ (ใช่แล้ว หนังสือเล่มนี้ดังมาก ๆ เลย!) เราก็เห็นรายละเอียดทางการแปลและการบรรณาธิการต่างออกไป อย่างเช่น เกาหลีกับญี่ปุ่นไม่แปลภาษาอังกฤษบนสติ๊กเกอร์ที่หน้าปก แต่แปลภาษาต่างประเทศบางจุดที่ฉากหลังในเรื่อง ขณะที่จีนแปลทุกสิ่งอย่างตั้งแต่ปกเป็นต้นมา แต่กลับเว้นคำภาษาต่างประเทศบางคำในฉากที่เบลอ ๆ ไว้


เอ แล้วแบบนี้ไทยเราจะใช้หลักการอะไรดี?


ตัวอย่างหน้าปกฉบับจีน เกาหลี และญี่ปุ่น



อย่างที่สอง เพลงที่คุณปุ๊บปั๊บร้องในเรื่อง กับรายชื่อเพลงนับสิบกว่าเพลงในภาพประกอบ คุณจะแปลหรือไม่และแปลอย่างไร ณ จุดนั้น เรากับคุณแจนถึงขั้นทำรีเสิร์ชเพลงไทยทำนองสากลกันเลยทีเดียว เพื่อใช้ประกอบการตัดสินใจแปลเพลงต่าง ๆ ในเรื่อง


ผลที่ได้คือ เราได้อ่านวิทยานิพนธ์เกี่ยวกับเพลงไทยทำนองเทศ และทำเพลย์ลิสต์คุณปุ๊บปั๊บไว้ฟังเล่นอีกด้วย ทุกวันนี้ก็ยังเปิดฟังอยู่ นักแปลนักแต่งเพลงยุคนั้นวาทศิลป์คมคาย แต่งเพลงได้ไพเราะเหมาะกับธรรมชาติของภาษาไทยมาก ฟังแล้วแทบไม่รู้เลยว่าแปล/ดัดแปลงมา แต่สรุปแล้วพวกเราก็ตัดสินใจปล่อยเพลงอมตะหลาย ๆ เพลงในเรื่องเอาไว้ให้ผู้อ่านในไทยได้ทำความรู้จัก หรือย้อนอดีตกัน

ลองไปอ่านกันในเล่มจริงดูนะคะ ว่ารู้จักเพลงไหนบ้างมั้ยนะ 😊


เพลย์ลิสต์ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากการอีดิตหนังสือ "คุณปุ๊บปั๊บ กับเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลก"





ส่วนเรื่อง "ซานตาคลอส" เองก็เป็นอะไรที่เปิดหูเปิดตามากสำหรับเราค่ะ


ree

หนังสือเล่มนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับกิจกรรมต่าง ๆ ในรอบปีของซานตาและเหล่าเอลฟ์ที่อาศัยอยู่ ณ ภูเขากอร์วาตุนตุริ โดยละเอียด


ที่เราเซอร์ไพรซ์มากคือ เราไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่า มันมีสถานที่ที่เชื่อกันว่าซานตาคลอสอาศัยอยู่จริง ๆ ด้วย แบบว่า... แต่ก่อนก็เคยแต่จินตนาการว่าซานตาอยู่ที่เมืองลับแลที่ไหนสักแห่งที่ขั้วโลกเหนือ ไม่คิดว่าจะมีชื่อที่อยู่ย่านจริงจังแบบระบุพิกัดได้ ซึ่งนำไปสู่คำถามที่ว่า แล้วหมู่บ้านซานตาตั้งอยู่ตรงจุดไหนของภูเขากันแน่ หุบเขา ยอดเขา ลาดเขา หรืออะไร และภูเขานี้มีลักษณะเป็นอย่างไรกันแน่ (เมื่อรีเสิร์ชดูแล้ว กอร์วาตุนตุริ หรือที่ในภาษาอังกฤษแปลว่า Ear Fell เป็นภูเขาแบบที่เรียกว่า fell คือมีลักษณะค่อย ๆ ลาดขึ้น) สุดท้ายเราก็เลยต้องส่งเมสเสจไปถามอุทยานแห่งชาติที่ฟินแลนด์เพื่อให้รู้แน่ ๆ จะได้แปลถูก


ree

ภาพ 360 องศาของพื้นที่บริเวณภูเขากอร์วาตุนตุริ จากวิกิพีเดีย


แม้ว่าเราจะเริ่มชินกับวัฒนธรรมความเชื่อเรื่องซานตา และคริสต์มาสในแถบสแกนดิเนเวียมาบ้างแล้ว จากการอาศัยอยู่ที่เดนมาร์กมาราว ๆ 2 ปี เช่น เกมค้นหาอัลมอนด์ในชามข้าวโอ๊ตต้ม (เย็น ๆ... บางทีก็อุ่น แล้วแต่บ้าน) ในมื้อค่ำวันคริสต์มาสอีฟ หรือกิจกรรมจับมือร้องเพลงรอบ ๆ ต้นสน แต่เราไม่เคยมองซานตาในฐานะคนที่ยังมีชีวิตอยู่ อาศัยอยู่ในสถานที่ "จริง" หรือมองว่า ซานตาเป็นเอลฟ์ ที่เป็นหัวหน้าเอลฟ์— เหมือนอย่างที่คนเดนิชแถวนี้ยืนยันหนักแน่นมาก— มาก่อนเลย... (ซานตาเป็นเซนต์ไม่ใช่เร๊อ!!! My whole life is a lie!)


ree

ข้าวโอ๊ตต้มราดซอสเชอร์รี่ สไตล์เดนิช (risalamande)

ที่คนกินกันในช่วงคริสต์มาส คืนวันคริสต์มาสอีฟ และวันที่อยาก

ขอบคุณภาพจาก mummum.dk


การได้เที่ยวไปในประเทศต่าง ๆ และมีโอกาสอ่านหนังสือจากหลาย ๆ ประเทศ ทำให้เราได้เข้าใจว่า ที่ผ่านมาเรารู้จักกับซานตาคลอสและคริสต์มาส ผ่านวัฒนธรรมอเมริกัน (และอังกฤษ) มาตลอดจริง ๆ แล้วยังมีวัฒนธรรมอื่น ๆ ที่น่าสนใจอีกมากที่เราไม่เคยรู้มาก่อน เช่น ที่เดนมาร์กจะมีการวางตุ๊กตาเอลฟ์กับข้าวโอ๊ตต้มไว้ที่ห้องใต้หลังคา แล้วบอก (หรือหลอก) เด็ก ๆ ว่า เอลฟ์จะขยับเปลี่ยนท่า เปลี่ยนที่ของมันเองตอนที่ไม่มีใครอยู่ดู


เหล่าเอลฟ์จิ๋วกับข้าวโอ๊ตต้มชามเล็ก ๆ ที่ห้องใต้หลังคาชาวเดนิช


หรือที่แคว้นกาตาลุนญาในสเปน ช่วงคริสต์มาส เด็ก ๆ จะทำ กากาติโอ (Caga Tió) หรือคุณลุงไม้ซุง ที่มีขาหน้าเล็ก ๆ สองข้าง ใส่หมวกแดง และห่มผ้าแดงกันหนาว แล้วก็จะให้อาหาร/ขนมคุณลุงนี่ทุกวัน พอถึงวันคริสต์มาสอีฟ คุณลุงก็จะอึออกมาเป็นของขวัญ (และถ้าไม่อึ เด็กก็จะเอาไม้อื่นมาตีลุงแล้วร้องเพลงที่แปลคร่าว ๆ ได้ว่า อึดิ ลุง! อึ!)


ree

กากาติโอ ในตลาดนัดคริสต์มาส เมืองบาเซโลนา แคว้นกาตาลุญา ปี 2020


ใด ๆ ก็ตาม คุณเมาริ กุนนัส เป็นนักวาดที่เก่งเรื่องการซ่อนรายละเอียด และก็เล่าเรื่องได้ตลก สนุกเป็นธรรมชาติมาก ๆ เลยค่ะ ทำให้งานบรรณาธิการคราวนี้เป็นเรื่องสนุกสนานมากสำหรับเรา


ในวงการหนังสือเด็กที่ตลอดมาเน้นการใช้หนังสือเป็นเครื่องมือทางการศึกษา การสอนจริยธรรม เตรียมความพร้อมเป็นหลัก— ซึ่งไม่ได้หมายความว่าไม่ดี หรือไม่ควรมีนะ— หนังสือที่เน้นความสนุกสนานเฮฮา ขายขำนี่เป็นเหมือนสายลมเย็น ๆ เบา ๆ ที่หายาก และทำให้ชื่นใจดีจัง


ทำให้เรารู้สึกเสียดายว่า ทำไมการปลูกฝังให้เด็กเติบโตขึ้นมาเป็นผู้ใหญ่ที่ตลกเฮฮา มองโลกขำ ๆ ถึงไม่ได้รับความสนใจมากกว่านี้นะ?


ถ้าจะให้เราหาสาระประโยชน์ทางการศึกษา อย่างที่ผู้ใหญ่/นักวิชาการมักจะชอบมองหากันในหนังสือเด็ก เพื่อหาเหตุผลและความชอบธรรม (justify) ว่าทำไมควรอ่านหนังสือตลก ๆ สักเล่มแล้วละก็ เราก็ต้องขอชมดัง ๆ ว่า การใส่รายละเอียดตลก ๆ ในเนื้อหาและภาพวาดหนังสือเด็กแบบที่หนังสือทั้งสองเล่มนี้ทำไว้ได้ดีมาก ๆ น่าจะเป็นหัวใจสำคัญที่จะทำให้หนังสืออย่างเช่นสองเล่มนี้ ดึงดูดความสนใจเด็กให้เปิดอ่านซ้ำหลาย ๆ ครั้ง ไม่ต่างกับการใส่ Easter's eggs ที่ผู้ใหญ่อย่างเรา ๆ ชอบมองหาลงไปในภาพยนตร์เลย


ซึ่งการอ่านซ้ำเพื่อค้นหารายละเอียด นอกจากจะช่วยส่งเสริมการอ่านออกเขียนได้แล้ว รายละเอียดที่มีการอ้างอิงเรื่องราวทางทางสังคม ประวัติศาสตร์ และวัฒนธรรมเฉพาะอย่าง ยังเป็นประตูพาผู้อ่านไปเรียนรู้เรื่องราวใหม่ ๆ ที่ตัวเองไม่คาดว่าจะได้รู้ หรือสนใจมาก่อนด้วย

อย่างเช่นที่นำเราไปฟัง "เพลงเก่า" ใหม่ ๆ ที่เราไม่เคยรู้จัก หรือได้เห็นความเชื่อเรื่องซานตาคลอสแบบฉบับที่เราไม่เคยได้รู้มาก่อน


สุดท้ายก็ ขอฝากหนังสือทั้งสองเล่มนี้ไว้ในอ้อมใจด้วยนะคะ

หวังว่าทุกคนจะสนุกกับการอ่านหนังสือภาพเบิกบานหัวใจ เรื่อง "คุณปุ๊บปั๊บ กับเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลก" และ "ซานตาคลอส" ค่ะ 🥰


ติดตามพรีออร์เดอร์ได้ ที่นี่ นะคะ


ree


ปล.

เดนมาร์กก็มีนักเขียนสายฮาแบบนี้เยอะนะ แล้วก็เป็นประเทศที่แปลหนังสือเด็กหลากหลายและอิหยังวะมาก อย่างเช่น นักเขียนที่เราชอบมาก ๆ ตามอ่านมาหลายเล่มแล้วชื่อ Jakob Martin Strid นี่ มีผลงานที่ดังมาก ๆ ชื่อ Den utrolige historie om den kæmpestore pære (The Incredible Story of the Giant Pear) ซึ่งเป็นหนังแอนิเมชันไปแล้วด้วย


ree

หนังสือเรื่อง Den utrolige historie om den kæmpestore pære


แต่ผลงานของเค้าที่เราประทับในที่สุดคือเรื่อง Lille frø (Little Frog) ว่าด้วยกบน้อยที่ฟักออกมาจากอุกกาบาตที่พุ่งเข้าชนหลังคาของครอบครัวกบ กบน้อยตัวนี้เป็นกบเด็กที่ (โคตร) ซน ซนระดับมหากาฬ แม้แต่ฤาษีในถ้ำ (ใช่แล้ว ฤาษี) ก็ยังต้องตบะแตกลุกมาตวาดแว้ดใส่มัน ว่าไปน่าจะรีวิวหนังสือเด็กตลก ๆ บ้างแฮะ 555




*บทความนี้ตีพิมพ์ในเฟสบุ๊กเพจ Children's Books Out There ที่นี่


อ้างอิง










Comments


Please subscribe us to not miss any updates

  • Instagram
  • Facebook
  • Twitter

ขอบคุณที่ subscribe จ้า

© 2022 by Children's Books Out There. Proudly created with Wix.com

bottom of page