top of page

Family event: อสุรกายวันคริสต์มาส @ พิพิธภัณฑ์โมสโกด์

  • รูปภาพนักเขียน: Tarn
    Tarn
  • 23 ธ.ค. 2565
  • ยาว 2 นาที

อัปเดตเมื่อ 17 พ.ค. 2566

Children's Books out There พาเที่ยวพิพิธภัณฑ์ฉลองวันคริสต์มาสสุดหลอน

ใครเจออสูรเหล่านี้ ถ้าไม่ใช่เด็กดี ขอให้หลบด่วน ๆ!


ขบวนพาเหรดอสูรและภูติพรายประจำเทศกาลคริสต์มาส ในพิพิธภัณฑ์โมสโกด์ เดนมาร์ก



ช่วงต้นธันวาคมที่ผ่านมา พิพิธภัณฑ์โมสโกด์ (Moesgaard) จัดกิจกรรมพิเศษสำหรับเด็ก ๆ และครอบครัว ชื่อ "Julevæsner" หรือ อสูรคริสต์มาส เนื่องในเทศกาลคริสต์มาสกันค่ะ โดยงานจัดกันทุกวันเสาร์บ่ายก่อนถึงวันเทศกาล (ได้แก่ วันที่ 3, 10 และ 17) ไม่ใช่แค่พิพิธภัณฑ์โมสโกด์เท่านั้นทีมีกิจกรรมพิเศษวันคริสต์มาส ไม่ว่าพิพิธภัณฑ์ไหน ๆ ก็พากันฉวยโอกาสนี้ชวนเด็ก ๆ เข้าพิพิธภัณฑ์กันทั้งนั้น


เราที่มีบัตรเข้าพิพิธภัณฑ์โมสโกด์ตลอดปี อ่านเจอกิจกรรมนี้เข้าก็ยิ้มเลยค่ะ ได้เวลาพากันไปพิพิธภัณฑ์ฟรีอีกแล้ว ที่เดนมาร์กนั้น หลาย ๆ พิพิธภัณฑ์จะมีธรรมเนียมว่า คนที่มีบัตรสมาชิกตลอดปีไม่เพียงแต่จะใช้บัตรเบ่งเข้าพิพิธภัณฑ์กี่ครั้ง กี่นิทรรศการก็ได้ ยังพาเพื่อน พาแฟน พาพ่อแม่พี่น้องเข้าได้อีกครั้งละ 1 คนด้วย เรียกได้ว่า ซื้อบัตรแล้ว ไม่ต้องกลัวเที่ยวไม่คุ้ม ไม่ต้องกลัวเหงา กลัวเที่ยวคนเดียวเลย ดังนั้นถ้าเป็นคนเพื่อนเนิร์ดเยอะและเจ้าแผนการหน่อยก็จะแบ่งกันสมัครสมาชิกพิพิธภัณฑ์คนละที่กัน แล้วผลัดกันใช้บัตรพาเพื่อนเข้าพิพิธภัณฑ์ได้หลายที่เลย (เป็นวิธีที่เราใช้นั่นเอง 555)


ในบทความที่แล้ว เราได้เล่าประวัติคร่าว ๆ ของเทศกาลคริสต์มาสว่า ไม่ได้มีแค่ตัวละครดัง ๆ อย่างซานต้า เซนต์นิค พระเยซู เท่านั้น แต่ยังมี "ตัวน่ากลัว" ที่ประกอบด้วยอสุรกาย ภูติพราย และปีศาจหลากหลายประเภทด้วย แตกต่างกันไปตามแต่ละท้องถิ่น


เราเองเพิ่งได้รู้จักกับตำนานคริสต์มาสนอกกระแส— แบบที่ไม่ใช่ภาพจำจากสหรัฐอเมริกา มีลุงซานต้าขี่เลื่อนร้องโฮ่ ๆ ๆ— ก็เมื่อสองปีก่อนตอนที่ได้อ่านหนังสือเรื่อง ตำนานอสูรคริสต์มาส (Julebestiariet) ประกอบภาพหวีดสยองของคุณ John Kenn Mortensen เนี่ยแหละค่ะ พอพิพิธภัณฑ์โมสโกด์ประกาศว่าจะจัดกิจกรรมธีมอสุรกายคริสต์มาสแล้ว เราถึงตั้งใจมากว่า ชั้นต้องไปให้ได้!


หนังสือ ตำนานอสูรคริสต์มาส (Julebestiariet) และตัวอย่างภาพประกอบหลอนจิตในเล่ม

แรงบันดาลใจให้ตาลมาพิพิธภัณฑ์ค่ะ


วันเสาร์ที่แล้ว (17 ธค.) อากาศกำลังดี หิมะเพิ่งตกสด ๆ เมื่อวาน ตาลเลยได้โอกาสไปเที่ยวงานสักหน่อย แต่ก่อนเข้าเรื่อง ใครที่ยังไม่เคยไปพิพิธภัณฑ์โมสโกด์ อยากรู้ว่าเป็นสถานที่แบบไหนเลื่อนอ่าน หัวข้อต่อไป ก่อนได้ ส่วนใครเข้ามาอ่านเรื่องอสูรคริสต์มาสอย่างเดียว จิ้มตรงนี้ ได้เลยค่ะ




สถาปัตยกรรมสะดุดตาบนทุ่งหญ้ากว้างใหญ่

พิพิธภัณฑ์โมสโกด์ (Moesgaard) เป็นพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์มนุษยวิทยา ที่โดดเด่นด้านสถาปัตยกรรมมาก เพราะมีลักษณะลาดลงเหมือนกระดานลื่น เป็นที่ถูกใจเด็ก ๆ ที่ชอบมากลิ้งเล่น หรือยิ่งหน้าหนาวมีหิมะนี่ จุดประสงค์การมาพิพิธภัณฑ์โมสโกด์ของเด็ก ๆ แทบจะเป็นการมาเล่นเลื่อนหิมะอย่างเดียวเลย ไม่ใช่มาดูนิทรรศการ 😅


สถาปัตยกรรมอันโดดเด่นเห็นแต่ไกลของพิพิธภัณฑ์โมสโกด์

ลานอาบแดดในฤดูร้อน และลานเล่นเลื่อนหิมะของเด็ก ๆ ในฤดูหนาว

เครดิตภาพจาก FB-Moesgaard Museum



จากการที่ตาลได้ทำงานกับบริษัททำแอปพลิเคชันสำหรับพิพิธภัณฑ์ (USEEUM) มา ตาลเลยได้รู้เทรนด์พิพิธภัณฑ์ที่นี่มาจากเพื่อนร่วมงานชาวเดนิชนิดหน่อย ว่าช่วง 10-20 ปีก่อน วงการพิพิธภัณฑ์ที่นี่มีไอเดียว่า รูปร่างสถาปัตยกรรมที่โดดเด่น จะช่วยทำหน้าที่ดึงดูดคนให้มาเที่ยวได้ เพราะเมื่ออาคารสวยเป็นแลนด์มาร์กไปแล้ว ใคร ๆ ก็ต้องอยากมาถ่ายรูปคู่ แล้วพอมาถึงก็ต้องแวะเข้าชมพิพิธภัณฑ์อยู่ดี —ซึ่งเป็นจริงแค่ช่วงแรก ๆ เท่านั้น... หลังจากคนแห่กันมาถ่ายรูปแล้ว ถ้านิทรรศการไม่สนุก ไม่แปลกใหม่จริงก็ดับ



แต่นิทรรศการของพิพิธภัณฑ์โมสโกด์ไม่เคยดับ เพราะของเค้าดีจริง...

ทีมงานที่นี่จัดนิทรรศการกันดุเดือดมาก โดยมีนิทรรศการถาวรหลักอยู่ 3 ส่วน ส่วนแรกที่ชั้นใต้ดิน แบ่งเป็นหกห้องใหญ่ไล่ไทม์ไลน์ประวัติศาสตร์เดนมาร์ก มาตั้งแต่ยุคหินจนถึงยุคกลาง (ที่ศาสนาคริสต์แพร่เข้ามา) นิทรรศการทั้งหกห้องนี้เป็นนิทรรศการ interactive จัด ๆ ล้ำ ๆ แบบเที่ยววันเดียวไม่หมด ใครที่มาเที่ยวเดนมาร์ก ห้ามพลาดเด็ดขาด


ห้องจัดแสดงพิธีกรรมการบูชายัญมนุษย์ในสมัยโบราณ

เล่าเรื่องผ่านลายเส้นแบบกราฟิกโนเวลที่ทั้งเด็กและผู้ใหญ่คุ้นเคย

เครดิตภาพจาก www.avcenter.dk


นอกจากชั้นใต้ดินแล้ว ชั้นบนก็ยังมีห้องจัดนิทรรศการความหลากหลายทางวัฒนธรรม ซึ่งตอนนี้เป็นหัวข้อ "วันแห่งความตาย" เล่าถึงพิธีกรรม การบอกลา และความเชื่อในโลกหลังความตายของหลายวัฒนธรรมทั่วโลก


และอีกนิทรรศการที่สนุกมาก อยู่ในส่วนบันไดทางขึ้นที่ทอดยาวจากชั้นใต้ดินไปชั้นสองของอาคารก็เป็นจุดจัดแสดงวิวัฒนาการมนุษย์ ที่ประกอบด้วยรูปปั้นมนุษย์โบราณยุคต่าง ๆ บนขั้นบันได และกล้อง AR รอบ ๆ ปล่องบันไดที่เราไปส่องดูสภาพภูมิประเทศที่มนุษย์แต่ละยุคอาศัยอยู่ได้


โครงกระดูกเต้นระบำตามคนเป็น ในนิทรรศการ "วันแห่งความตาย"

ที่เด็ก ๆ (และเด็กไม่ยอมโตอย่างดิฉันเอง) ชอบมาเล่นกัน


นิทรรศการบนและรอบบันได "วิวัฒนาการมนุษย์"

ชวนดูรูปปั้นมนุษย์โบราณแบบใกล้ชิดและแบบผ่านกล้อง


ไม่เพียงเท่านั้น พิพิธภัณฑ์นี้ยังมีนิทรรศการหมุนเวียนบ่อย ๆ ปีหนึ่งมีไม่ต่ำกว่า 5-6 งาน ซึ่งเป็นทั้งนิทรรศการมืออาชีพโดยทีมงานพิพิธภัณฑ์เอง และโดยฝีมือนักศึกษาด้านการออกแบบพิพิธภัณฑ์ จากมหาวิทยาลัยออฮุส ถ้ามีโอกาสจะมาเล่าต่อในคราวหน้า คราวนี้ขอเข้าเรื่องอสุรกายคริสต์มาสก่อนละกันค่ะ ชักจะยาว




กิจกรรม "อสูรคริสต์มาส"

เป็นอีเวนต์ชิล ๆ แบบไม่มีตัวนิทรรศการแต่อย่างใด มีแค่นักแสดงแต่งตัวเป็นอสูร/ภูติพรายวันคริสต์มาส 13 ตน กับทีมงานสวมชุด "ผู้ติดตาม" คอยประกบนักแสดงตัวต่อตัว เพื่อคอยเล่าเรื่องเกี่ยวกับอสูรตัวนั้น ๆ และคอยคุ้มกันอสูรจากเด็ก/ผู้ใหญ่มือบอนทั้งหลาย (ในแผ่นขอความร่วมมือผู้ปกครองไว้เรียบร้อยให้ดูแลบุตรหลาน ไม่ให้แตะต้องอสูรโดยเด็ดขาด— ผู้ปกครองเองก็เช่นกัน)


สมุดเล่มเล็ก ๆ ที่ผู้ชมจะได้รับแจก ในเล่มอธิบายกิจกรรมและเล่าเกร็ดประวัติเกี่ยวกับอสุรกายแต่ละตัว

ซึ่งจะมีผู้ติดตาม หรือยามเฝ้าระวัง (Vogter) ถือตะเกียงเดินคู่กันไปเพื่อคอยเล่าเรื่องให้ผู้ชมฟัง

นอกจากนี้ยังแสดงแผนที่ถิ่นอาศัยของอสูรแต่ละตัวด้วย


พอได้เวลาบ่ายโมงตรง อสุรกายก็เริ่มออกทัวร์รอบนิทรรศการชั้นใต้ดิน (อย่างที่เห็นว่า พิพิธภัณฑ์ใหญ่มาก ให้อสูรเดินขึ้นบันไดคงไม่ไหวแน่) นักแสดงจะกระจายกันไปตามห้องต่าง ๆ ประมาณ 3 ชม. ก่อนจะกลับมาเดินโชว์ตัวรอบสุดท้ายที่บันไดกลาง พอพิธีกรแนะนำตัวอสูรครบ ผู้ชมก็ได้รับเชิญให้ร่วมฮัมเพลงคริสต์มาสของเดนมาร์กร่วมกัน (ชื่อเพลง Juletræet med sin pynt) ขณะที่สลายตัวแยกย้ายกันกลับบ้าน


ระหว่างที่อสูรออกพบปะประชาชน เด็ก ๆ ดูจะตื่นเต้นมาก (หรือบางรายอาจจะตื่นกลัวก็ได้ แต่เรายังไม่เห็นเด็กคนไหนร้องไห้เลยนะ แค่เขยิบไปหลบหลังพ่อแม่เท่านั้น) อสูรปฏิบัติตามกฎอย่างเคร่งครัดว่าจะไม่หลอกให้เด็กกลัว และแค่เดินลากเท้าช้า ๆ หลอน ๆ ไปตามทางเดินเท่านั้น ส่วนผู้ติดตามก็มีหน้าที่ตอบคำถามและเล่าเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยที่หาอ่านไม่ได้ในแผ่นพับไปพลาง ๆ


อสุรกายออกเดินท่อม ๆ ไปตามห้องจัดนิทรรศการถาวร



สำหรับผลของการจัดงาน ตาลว่าวันนั้น เด็ก ๆ (และผู้ใหญ่เอง) คงไม่ได้มีกะจิตกะใจดูนิทรรศการเท่าไหร่ค่ะ เพราะเห็นใคร ๆ ต่างก็พากันออกตามหา ตามถ่ายรูปอสูรกันทั้งนั้นเลย ตาลก็ทำแบบนั้นเหมือนกัน 555 ก็เลยมีภาพกับเรื่องเล่ามาฝากตามที่เขียนไว้ด้านล่าง แต่ในแง่การนำเสนอเรื่องราวปรัมปราและความหลากหลายทางวัฒนธรรมนั้น ตาลให้เต็มสิบดาวไปเลย เพราะผู้ชมสนใจอสูรทั้ง 13 ตัวมาก และตอนจบงานก็มีคนมานั่งรอดูอสูรกันเต็มขั้นบันไดเลยค่ะ




อสูรทั้ง 11 ตน (ขออภัยที่เอามาลงไม่ครบ 13 เพราะห้องมืด ภาพเบลอไปเยอะ)


ข้อมูลตามลำดับภาพ (แปลมาจากข้อมูลภาษาเดนิชในแผ่นพับ + เรื่องที่ "ผู้ติดตาม" เล่าให้ฟัง)

Frau Perchta

ที่อยู่อาศัย: แถบเยอรมนี

ตำนาน: หากคุณพบหญิงสาวในผ้าคลุมยาวสีขาว ยืนอยู่ริมลำธารกลางป่า และรับรู้ได้ถึงพลังงานดึงดูดบางอย่าง จงระวังอย่าเข้าไปใกล้ เพราะเมื่อนางหันมาสบตาคุณเมื่อไหร่ คุณจะไม่อาจหนีนางพ้น ที่ผ่านมาทั้งปี คุณทำตัวดีหรือเปล่า ถ้าทำตัวดีพอก็อาจจะได้เหรียญเงินเป็นรางวัล แต่ถ้าไม่ล่ะก็ รับรองโดนจับยัดฟางแล้วถ่วงบ่อน้ำแน่ ๆ

เฟรา แพร์คตา อาจจะมีตำนานโหด ๆ แต่นางเป็นภูติที่มีหน้าที่ออกตามหาฤดูใบไม้ผลิ และพามันกลับมายังโลกเพื่อที่สรรพชีวิตดีงามต่าง ๆ จะได้เติบโตอีกครั้ง และเด็กดื้อก็ไม่มีค่าพอให้อยู่เห็นฤดูใบไม้ผลิหรอกนะ

Schnabelperchten

ที่อยู่อาศัย: หุบเขา Rauristal ในประเทศออสเตรีย แต่ปีศาจนกคล้าย ๆ กันนี้มีเรื่องเล่ากระจายทั่วยุโรป

ตำนาน: ปีศาจนกตัวนี้จะเที่ยวเคาะประตูบ้านนู้นบ้านนี้ในช่วงคริสต์มาส เพื่อดูว่าบ้านนี้สะอาดดีมั้ย เก็บของเป็นที่เป็นทางหรือยัง ซักผ้าปัดกวาดขัดพื้นแล้วมั้ย ถ้าบ้านใครไม่สะอาดเอี่ยมอ่องก็เตรียมตัวล็อกประตูบ้านไว้ให้ดี เพราะถ้า Schnabelperchten เจอสิ่งสกปรกแม้สักนิดในบ้านล่ะก็ มันจะจับเจ้าบ้านผ่าท้องแล้วยัดสิ่งของเกะกะและสกปรกประดามีที่มันเจอลงไปแทน!

Schnabelperchten อาจจะฟังดูเป็นนกร้าย ๆ แต่หากบ้านไหนทำความสะอาดเรียบร้อยแล้วก็ดีใจได้ เพราะนกตัวนี้จะพาความสุขความเจริญมาให้ในปีหน้า

Stjernepiger

ที่อยู่อาศัย: โปแลนด์

ตำนาน: เด็กหญิงแห่งดวงดาว หรือที่ในภาษาโปลิชเรียกว่า Gwiazdka นั้น ตัวเบาราวเกล็ดหิมะ สวมชุดคลุมตั้งแต่หัวจรดเท้าสีขาวโพลน ถือโคมดาวส่องแสงเรือง และไม่เคยปริปากพูด แตกต่างจาก Gwiazdor หรือบุรุษแห่งดวงดาว ที่มักจะมาพร้อมเสียงเพลงสนั่นหวั่นไหว สะกดให้ผู้คนออกมาเต้นรำและร้องเพลงกันอย่างสนุกสนานในช่วงหน้าหนาวที่มืดหม่น เด็กหญิงแห่งดวงดาวไม่ทำร้ายใครก็จริง แต่อย่าไปแตะต้องเธอเข้าล่ะ เพราะถ้าใครทำดาวในมือเธอหมดแสงละก็ คนนั้นจะไม่มีอะไรกินในช่วงคริสต์มาสอย่างแน่นอน

Ded Moroz

ที่อยู่อาศัย: รัสเซีย

ตำนาน: เมื่อหิมะส่งเสียงกรอบแกรบใต้รองเท้า และเมื่อความเหน็บหนาวกัดแทะปลายจมูก ก็เป็นสัญญาณว่า Ded Moroz ราชาแห่งฤดูหนาวได้มาเยือนแล้ว Ded Moroz สวมผ้าคลุมสีน้ำเงินโดดเด่น หากเจอเขา จงทำตัวเรียบร้อยและสุภาพที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เพราะภูติตนนี้จะไม่ทนกับกริยาหยาบคาย และมีมาตรการแข็งกร้าวกับเด็กดื้อ ต่างจากซานตาคลอสที่อาจจะแค่ให้ก้อนถ่าน Ded Moroz ไม่ลังเลเลยที่จะจับเด็กไร้มารยาทแช่แข็งในพริบตา

Joulupukki

ที่อยู่อาศัย: ฟินแลนด์

ตำนาน: ถ้าในช่วงคริสต์มาส คุณได้ยินเสียงฝีเท้าวนเวียนอยู่รอบกระโจมที่พัก ในทุ่งร้างห่างไกลผู้คนในฟินแลนด์ และคุณเองก็ไม่ได้รอรับใครมาเป็นแขกในคืนนั้น ขอให้รู้ไว้ว่าผู้มาเยือนนั่นอาจเป็น Joulupukki ก็ได้ Joulupukki ยืนตรงเหมือนคน แต่มีเขากวางยาวโง้งเหนือหัว และใส่หน้ากากมนุษย์ เขาคือซานตาคลอส หรือเป็นสัตว์กันแน่นะ คำตอบคือ Joulupukki เป็นทั้งสองอย่าง และจะมาเยี่ยมเยือนบ้านต่าง ๆ เพื่อร่วมงานฉลองคริสต์มาสทุกปี การเป็นเจ้าบ้านที่ดีเป็นเรื่องสำคัญ เพราะไม่ว่าใครก็ต้องการน้ำใจและความเอื้ออาทรในฤดูที่หนาวเย็นแบบนี้ หากไม่เชิญ Joulupukki เข้ามากินข้าวและให้ของขวัญเล็ก ๆ น้อย ๆ Joulupukki จะเชื้อเชิญปีศาจให้เข้ามาในบ้านนั้นแทน

Sankta Lucia

ที่อยู่อาศัย: เกาะซิซิลี ประเทศอิตาลี

ตำนาน: เสียงเพลงและแสงเทียนใกล้เข้ามา พร้อมกับร่างของ Sankta Lucia หรือเซนต์ ลูเซีย หญิงสาวผู้งดงามแห่งเกาะซิซิลี ผู้มีชีวิตอยู่ในสมัยโรมัน ราว คศต. 300 ปลาย ๆ ความงามของนางเป็นที่โจษจันว่าหาใครเทียบ โดยเฉพาะดวงตาที่งดงาม ชายมากมายหมายปองนาง แต่นางเป็นผู้มีศรัทธาแรงกล้าต่อพระผู้เป็นเจ้า และไม่ต้องการแต่งงานกับชายใด Sankta Lucia ถึงขั้นควักตาตัวเองออกมาเพื่อหลีกเลี่ยงเจ้าบ่าว แต่กลับทำให้ชายผู้นั้นโกรธมากและแจ้งทางการว่าเธอเป็นชาวคริสต์ (ขณะนั้นอาณาจักรโรมันกำลังกวาดล้างชาวคริสต์อยู่) Sankta Lucia ถูกประหารด้วยการเผาทั้งเป็น หลังจากนั้นชาวคริสต์หลาย ๆ ประเทศก็ได้ยกย่องนางให้เป็นนักบุญผู้นำแสงสว่างมาสู่โลก และทำการศักการะนางในวันที่มีช่วงกลางคืนยาวนานที่สุดในรอบปี หรือก็คือราว ๆ วันที่ 21 ธันวาคมนั่นเอง

Knecht Ruprecht

ที่อยู่อาศัย: เยอรมนี ฝรั่งเศส และสเปน

ตำนาน: ทุกสิ่งมีสองด้านเสมอและด้านตรงข้ามกับซานตาคลอสผู้ใจดีและรื่นเริง ก็คือ Knecht Ruprecht ที่มาพร้อมกับเงามืดและออร่าแห่งความชั่วร้าย Knecht Ruprecht สวมชุดดำ ถือไม้ตีพรมและแบกกระสอบถ่าน คอยตามฟาดใครก็ตามที่อ่านบทสวดไม่คล่อง และป้ายถ่านดำ ๆ บนเสื้อผ้าของคนเหล่านั้น เมื่อพวกเขาไปโบสถ์ในวันคริสต์มาส ทุกคนก็จะได้รู้ว่า นี่แหละคือคนขี้เกียจและโง่เง่าที่ไม่รู้จักหัดอ่านบทสวดให้เป็น ตำนานของ Knecht Ruprecht แพร่หลายในเยอรมนี ฝรั่งเศสและสเปน โดยมีชื่อเรียกแตกต่างกัน บางความเชื่อเล่าว่า Knecht Ruprecht เป็นคนขายเนื้อผู้ต้องคำสาป เพราะฆ่าและนำเนื้อเด็กมาแล่ขายในยุคที่มีทุพภิกขภัย (ความอดอยาก)

Julebukken

ที่อยู่อาศัย: เดนมาร์ก

ตำนาน: หลายบ้านในย่านยุโรปเหนือช่วงคริสต์มาสจะมีตุ๊กตาแพะทำจากฟาง เรียกว่า Julebukken (แพะคริสต์มาส) ตั้งอยู่ตามหน้าต่าง ของประดับบ้านนั้นมาจากความเชื่อโบราณว่า Julebukken จะบุกไปตามบ้านต่าง ๆ ในช่วงเทศกาลคริสต์มาส หากบ้านไหนโดนมันบุก เจ้าบ้านจะต้องเอาเค้กและเหล้าแรง ๆ มาให้มันกิน ไม่อย่างนั้นจะมีเรื่องแย่ ๆ เกิดขึ้น ซึ่งเรื่องแย่นั้นก็ไม่ได้เกี่ยวกับอุบัติเหตุทางกายหรืออะไร แต่เป็นเรื่องความลับรั่วไหลต่างหาก!

เพราะว่า Julebukken นั้นรู้ทุกเรื่อง ตั้งแต่เรื่องใครให้อะไรใครในวันคริสต์มาส ใครตกหลุมรักใคร ไปจนถึงใครเจออะไรเข้าในกระเป๋าคุณพ่อบ้าน และมันก็ไม่กลัวที่จะเล่าเรื่องพวกนี้ด้วย ฟังแล้วก็ไม่ค่อยต่างจากอัลกอริทึ่มกูเกิ้ลเท่าไหร่เลยว่าไหม

Julekatten

ที่อยู่อาศัย: ไอซ์แลนด์

ตำนาน: แมวตัวนี้ไม่ธรรมดา เพราะมันตัวใหญ่พอ ๆ กับภูเขาและเชื่องราว ๆ กับเสือเขี้ยวดาบ หากได้ยินเสียงเหมือนแผ่นดินไหว ดังสนั่นไปทั้งหุบเขาล่ะก็ นั่นแปลว่า Julekatten (แมวคริสต์มาส) กำลังออกลาดตระเวน หากเด็กคนไหนเป็นเด็กดีที่ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน และถักเสื้อและถุงเท้าขนแกะโดยไม่ปริปากบ่นก็สบายใจได้ แมวตัวนี้จะไม่มายุ่งด้วยเลย แต่ถ้าใครไม่ได้ทำแบบนั้นละก็ Julekatten จะมาคาบเอาไป และชะตากรรมของเด็กดื้อก็ไม่สดใสแน่ ๆ เพราะแมวคริสต์มาสเป็นสัตว์เลี้ยงของ Grylen แม่มดสามหัวที่กินเด็กทุกคนที่มันจับได้เป็นอาหาร Grylen เป็นแม่ของ Julesvendene (หนุ่ม ๆ แห่งวันคริสต์มาส?— svendene แปลว่า เหล่าชายหนุ่ม) ทั้ง 13 ตน ซึ่งมีนิสัยขี้แกล้งและใจร้ายใจดำ มีหน้าที่อบรมเด็ก ๆ ชาวไอซ์แลนดิกให้เป็นเด็กดี (จะทำได้มั้ยเนี่ย)


Krampus

ที่อยู่อาศัย: ออสเตรีย ตำนาน: ครัมปุสมาพร้อมกับเสียงกระแทกไม้เท้าปัง ๆ เสียงระเบิด และเสียงโซ่ตรวนกระทบกัน หากได้ยินเสียงนี้ดังจากหุบเขาและเคลื่อนเข้ามาใกล้ ขอให้รีบหลบเข้าบ้านทันที เพราะอสูรร้ายเขายาวโง้งในชุดขนสัตว์กำลังมาพร้อมกับตะขอเหล็กน่ากลัว! ครัมปุสไม่ได้มีแค่ตัวเดียวแต่จะยกโขยงกันมาเดินไปทั่วเมืองเพื่อจับเด็ก ๆ มากิน ในออสเตรีย คืนวันที่ 5 ธันวาคม ถือกันว่าเป็นคืนของครัมปุส ที่ภูติพรายบนภูเขาจะเข้ามาเยือนเมืองมนุษย์ นี่อาจเป็นภูมิปัญญาโบราณเพื่อเตือนลูกหลานไม่ให้ออกไปยังภูเขาในช่วงฤดูหนาวแสนอันตราย



ข้อคิดที่ได้จากกิจกรรมนี้

อย่างแรกเลยคือ การจัดกิจกรรมแบบมุขปาถะช่วยสร้างสีสันให้พิพิธภัณฑ์และทำให้คนทุกวัยเข้าถึงองค์ความรู้ได้ง่ายขึ้น จัดนิทรรศการได้รวดเร็วขึ้น ไม่ต้องใช้พื้นที่หรืออุปกรณ์เยอะ ๆ


อย่างที่สองคือ นี่เป็นตัวอย่างที่ดีมาก ๆ ตัวอย่างหนึ่งของการใช้หนังสือเด็ก กรุยทางไปสู่การเรียนรู้เรื่องต่าง ๆ ในแหล่งเรียนรู้นอกบ้านอย่างพิพิธภัณฑ์ หรือกลับกันคือ ใช้พิพิธภัณฑ์พาเด็กไปอ่านหนังสือที่หลากหลายมากขึ้น


ส่วนตัวเราคิดว่า น่าจะเป็นเรื่องที่ดีมากเลยนะ หากวงการสื่อเด็กทำงานร่วมกันไปแบบนี้ได้บ่อย ๆ ทางพิพิธภัณฑ์เองก็มีร้านค้า วางขายหนังสือสำหรับเด็กที่เกี่ยวข้องกับนิทรรศการในพิพิธภัณฑ์ ส่วนผู้เขียน ผู้จัดทำหนังสือ/สื่อเด็กเองก็ทำงานร่วมกับนักวิชาการจากพิพิธภัณฑ์ต่าง ๆ เพื่อนำเนื้อหาวิชาการออกมาย่อยให้เด็กเข้าใจ และต่อยอดการเรียนรู้ควบคู่กันไป


รูปแบบการประสานงานที่ยอดเยี่ยมระหว่างหนังสือ สื่อ และกิจกรรม นิทรรศการสำหรับเด็กและครอบครัวยังมีอีกมาก หลังปีใหม่นี้ ตาลจะทยอยนำเสนอในให้ได้ชมกันอีกนะคะ


หวังว่าที่ผ่านมาปีนี้ Children's Books Out There จะได้นำเสนอเรื่องที่เป็นประโยชน์และสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้อ่านบ้างไม่มากก็น้อย

ขอบคุณที่ทุกคนให้การสนับสนุนเพจและเว็บไซต์ตลอดมา

คอมเมนต์ ไลก์ และข้อความที่ส่งเข้ามาเป็นกำลังใจให้ตาลมาเสมอ ต้องขอขอบคุณมาก ๆ เลยค่ะ

สุดท้ายนี้ก็...


สุขสันต์วันคริสต์มาส และสวัสดีปีใหม่นะคะทุกคน

Glædelige Jul og Godt Nytår!



*บทความนี้ตีพิมพ์ในเฟสบุ๊กเพจ Children's Books Out There ที่นี่


อ้างอิง

แผ่นพับ Julevæsner på Moesgaard: Har du været artig i ar? เดือนธันวาคม 2023






Comments


Please subscribe us to not miss any updates

  • Instagram
  • Facebook
  • Twitter

ขอบคุณที่ subscribe จ้า

© 2022 by Children's Books Out There. Proudly created with Wix.com

bottom of page