Children's Books out There พาเที่ยวพิพิธภัณฑ์ฉลองวันคริสต์มาสสุดหลอน
ใครเจออสูรเหล่านี้ ถ้าไม่ใช่เด็กดี ขอให้หลบด่วน ๆ!
ขบวนพาเหรดอสูรและภูติพรายประจำเทศกาลคริสต์มาส ในพิพิธภัณฑ์โมสโกด์ เดนมาร์ก
ช่วงต้นธันวาคมที่ผ่านมา พิพิธภัณฑ์โมสโกด์ (Moesgaard) จัดกิจกรรมพิเศษสำหรับเด็ก ๆ และครอบครัว ชื่อ "Julevæsner" หรือ อสูรคริสต์มาส เนื่องในเทศกาลคริสต์มาสกันค่ะ โดยงานจัดกันทุกวันเสาร์บ่ายก่อนถึงวันเทศกาล (ได้แก่ วันที่ 3, 10 และ 17) ไม่ใช่แค่พิพิธภัณฑ์โมสโกด์เท่านั้นทีมีกิจกรรมพิเศษวันคริสต์มาส ไม่ว่าพิพิธภัณฑ์ไหน ๆ ก็พากันฉวยโอกาสนี้ชวนเด็ก ๆ เข้าพิพิธภัณฑ์กันทั้งนั้น
เราที่มีบัตรเข้าพิพิธภัณฑ์โมสโกด์ตลอดปี อ่านเจอกิจกรรมนี้เข้าก็ยิ้มเลยค่ะ ได้เวลาพากันไปพิพิธภัณฑ์ฟรีอีกแล้ว ที่เดนมาร์กนั้น หลาย ๆ พิพิธภัณฑ์จะมีธรรมเนียมว่า คนที่มีบัตรสมาชิกตลอดปีไม่เพียงแต่จะใช้บัตรเบ่งเข้าพิพิธภัณฑ์กี่ครั้ง กี่นิทรรศการก็ได้ ยังพาเพื่อน พาแฟน พาพ่อแม่พี่น้องเข้าได้อีกครั้งละ 1 คนด้วย เรียกได้ว่า ซื้อบัตรแล้ว ไม่ต้องกลัวเที่ยวไม่คุ้ม ไม่ต้องกลัวเหงา กลัวเที่ยวคนเดียวเลย ดังนั้นถ้าเป็นคนเพื่อนเนิร์ดเยอะและเจ้าแผนการหน่อยก็จะแบ่งกันสมัครสมาชิกพิพิธภัณฑ์คนละที่กัน แล้วผลัดกันใช้บัตรพาเพื่อนเข้าพิพิธภัณฑ์ได้หลายที่เลย (เป็นวิธีที่เราใช้นั่นเอง 555)
ในบทความที่แล้ว เราได้เล่าประวัติคร่าว ๆ ของเทศกาลคริสต์มาสว่า ไม่ได้มีแค่ตัวละครดัง ๆ อย่างซานต้า เซนต์นิค พระเยซู เท่านั้น แต่ยังมี "ตัวน่ากลัว" ที่ประกอบด้วยอสุรกาย ภูติพราย และปีศาจหลากหลายประเภทด้วย แตกต่างกันไปตามแต่ละท้องถิ่น
เราเองเพิ่งได้รู้จักกับตำนานคริสต์มาสนอกกระแส— แบบที่ไม่ใช่ภาพจำจากสหรัฐอเมริกา มีลุงซานต้าขี่เลื่อนร้องโฮ่ ๆ ๆ— ก็เมื่อสองปีก่อนตอนที่ได้อ่านหนังสือเรื่อง ตำนานอสูรคริสต์มาส (Julebestiariet) ประกอบภาพหวีดสยองของคุณ John Kenn Mortensen เนี่ยแหละค่ะ พอพิพิธภัณฑ์โมสโกด์ประกาศว่าจะจัดกิจกรรมธีมอสุรกายคริสต์มาสแล้ว เราถึงตั้งใจมากว่า ชั้นต้องไปให้ได้!
หนังสือ ตำนานอสูรคริสต์มาส (Julebestiariet) และตัวอย่างภาพประกอบหลอนจิตในเล่ม
แรงบันดาลใจให้ตาลมาพิพิธภัณฑ์ค่ะ
วันเสาร์ที่แล้ว (17 ธค.) อากาศกำลังดี หิมะเพิ่งตกสด ๆ เมื่อวาน ตาลเลยได้โอกาสไปเที่ยวงานสักหน่อย แต่ก่อนเข้าเรื่อง ใครที่ยังไม่เคยไปพิพิธภัณฑ์โมสโกด์ อยากรู้ว่าเป็นสถานที่แบบไหนเลื่อนอ่าน หัวข้อต่อไป ก่อนได้ ส่วนใครเข้ามาอ่านเรื่องอสูรคริสต์มาสอย่างเดียว จิ้มตรงนี้ ได้เลยค่ะ
สถาปัตยกรรมสะดุดตาบนทุ่งหญ้ากว้างใหญ่
พิพิธภัณฑ์โมสโกด์ (Moesgaard) เป็นพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์มนุษยวิทยา ที่โดดเด่นด้านสถาปัตยกรรมมาก เพราะมีลักษณะลาดลงเหมือนกระดานลื่น เป็นที่ถูกใจเด็ก ๆ ที่ชอบมากลิ้งเล่น หรือยิ่งหน้าหนาวมีหิมะนี่ จุดประสงค์การมาพิพิธภัณฑ์โมสโกด์ของเด็ก ๆ แทบจะเป็นการมาเล่นเลื่อนหิมะอย่างเดียวเลย ไม่ใช่มาดูนิทรรศการ 😅
สถาปัตยกรรมอันโดดเด่นเห็นแต่ไกลของพิพิธภัณฑ์โมสโกด์
ลานอาบแดดในฤดูร้อน และลานเล่นเลื่อนหิมะของเด็ก ๆ ในฤดูหนาว
เครดิตภาพจาก FB-Moesgaard Museum
จากการที่ตาลได้ทำงานกับบริษัททำแอปพลิเคชันสำหรับพิพิธภัณฑ์ (USEEUM) มา ตาลเลยได้รู้เทรนด์พิพิธภัณฑ์ที่นี่มาจากเพื่อนร่วมงานชาวเดนิชนิดหน่อย ว่าช่วง 10-20 ปีก่อน วงการพิพิธภัณฑ์ที่นี่มีไอเดียว่า รูปร่างสถาปัตยกรรมที่โดดเด่น จะช่วยทำหน้าที่ดึงดูดคนให้มาเที่ยวได้ เพราะเมื่ออาคารสวยเป็นแลนด์มาร์กไปแล้ว ใคร ๆ ก็ต้องอยากมาถ่ายรูปคู่ แล้วพอมาถึงก็ต้องแวะเข้าชมพิพิธภัณฑ์อยู่ดี —ซึ่งเป็นจริงแค่ช่วงแรก ๆ เท่านั้น... หลังจากคนแห่กันมาถ่ายรูปแล้ว ถ้านิทรรศการไม่สนุก ไม่แปลกใหม่จริงก็ดับ
แต่นิทรรศการของพิพิธภัณฑ์โมสโกด์ไม่เคยดับ เพราะของเค้าดีจริง...
ทีมงานที่นี่จัดนิทรรศการกันดุเดือดมาก โดยมีนิทรรศการถาวรหลักอยู่ 3 ส่วน ส่วนแรกที่ชั้นใต้ดิน แบ่งเป็นหกห้องใหญ่ไล่ไทม์ไลน์ประวัติศาสตร์เดนมาร์ก มาตั้งแต่ยุคหินจนถึงยุคกลาง (ที่ศาสนาคริสต์แพร่เข้ามา) นิทรรศการทั้งหกห้องนี้เป็นนิทรรศการ interactive จัด ๆ ล้ำ ๆ แบบเที่ยววันเดียวไม่หมด ใครที่มาเที่ยวเดนมาร์ก ห้ามพลาดเด็ดขาด
ห้องจัดแสดงพิธีกรรมการบูชายัญมนุษย์ในสมัยโบราณ
เล่าเรื่องผ่านลายเส้นแบบกราฟิกโนเวลที่ทั้งเด็กและผู้ใหญ่คุ้นเคย
เครดิตภาพจาก www.avcenter.dk
นอกจากชั้นใต้ดินแล้ว ชั้นบนก็ยังมีห้องจัดนิทรรศการความหลากหลายทางวัฒนธรรม ซึ่งตอนนี้เป็นหัวข้อ "วันแห่งความตาย" เล่าถึงพิธีกรรม การบอกลา และความเชื่อในโลกหลังความตายของหลายวัฒนธรรมทั่วโลก
และอีกนิทรรศการที่สนุกมาก อยู่ในส่วนบันไดทางขึ้นที่ทอดยาวจากชั้นใต้ดินไปชั้นสองของอาคารก็เป็นจุดจัดแสดงวิวัฒนาการมนุษย์ ที่ประกอบด้วยรูปปั้นมนุษย์โบราณยุคต่าง ๆ บนขั้นบันได และกล้อง AR รอบ ๆ ปล่องบันไดที่เราไปส่องดูสภาพภูมิประเทศที่มนุษย์แต่ละยุคอาศัยอยู่ได้
โครงกระดูกเต้นระบำตามคนเป็น ในนิทรรศการ "วันแห่งความตาย"
ที่เด็ก ๆ (และเด็กไม่ยอมโตอย่างดิฉันเอง) ชอบมาเล่นกัน
นิทรรศการบนและรอบบันได "วิวัฒนาการมนุษย์"
ชวนดูรูปปั้นมนุษย์โบราณแบบใกล้ชิดและแบบผ่านกล้อง
ไม่เพียงเท่านั้น พิพิธภัณฑ์นี้ยังมีนิทรรศการหมุนเวียนบ่อย ๆ ปีหนึ่งมีไม่ต่ำกว่า 5-6 งาน ซึ่งเป็นทั้งนิทรรศการมืออาชีพโดยทีมงานพิพิธภัณฑ์เอง และโดยฝีมือนักศึกษาด้านการออกแบบพิพิธภัณฑ์ จากมหาวิทยาลัยออฮุส ถ้ามีโอกาสจะมาเล่าต่อในคราวหน้า คราวนี้ขอเข้าเรื่องอสุรกายคริสต์มาสก่อนละกันค่ะ ชักจะยาว
กิจกรรม "อสูรคริสต์มาส"
เป็นอีเวนต์ชิล ๆ แบบไม่มีตัวนิทรรศการแต่อย่างใด มีแค่นักแสดงแต่งตัวเป็นอสูร/ภูติพรายวันคริสต์มาส 13 ตน กับทีมงานสวมชุด "ผู้ติดตาม" คอยประกบนักแสดงตัวต่อตัว เพื่อคอยเล่าเรื่องเกี่ยวกับอสูรตัวนั้น ๆ และคอยคุ้มกันอสูรจากเด็ก/ผู้ใหญ่มือบอนทั้งหลาย (ในแผ่นขอความร่วมมือผู้ปกครองไว้เรียบร้อยให้ดูแลบุตรหลาน ไม่ให้แตะต้องอสูรโดยเด็ดขาด— ผู้ปกครองเองก็เช่นกัน)
สมุดเล่มเล็ก ๆ ที่ผู้ชมจะได้รับแจก ในเล่มอธิบายกิจกรรมและเล่าเกร็ดประวัติเกี่ยวกับอสุรกายแต่ละตัว
ซึ่งจะมีผู้ติดตาม หรือยามเฝ้าระวัง (Vogter) ถือตะเกียงเดินคู่กันไปเพื่อคอยเล่าเรื่องให้ผู้ชมฟัง
นอกจากนี้ยังแสดงแผนที่ถิ่นอาศัยของอสูรแต่ละตัวด้วย
พอได้เวลาบ่ายโมงตรง อสุรกายก็เริ่มออกทัวร์รอบนิทรรศการชั้นใต้ดิน (อย่างที่เห็นว่า พิพิธภัณฑ์ใหญ่มาก ให้อสูรเดินขึ้นบันไดคงไม่ไหวแน่) นักแสดงจะกระจายกันไปตามห้องต่าง ๆ ประมาณ 3 ชม. ก่อนจะกลับมาเดินโชว์ตัวรอบสุดท้ายที่บันไดกลาง พอพิธีกรแนะนำตัวอสูรครบ ผู้ชมก็ได้รับเชิญให้ร่วมฮัมเพลงคริสต์มาสของเดนมาร์กร่วมกัน (ชื่อเพลง Juletræet med sin pynt) ขณะที่สลายตัวแยกย้ายกันกลับบ้าน
ระหว่างที่อสูรออกพบปะประชาชน เด็ก ๆ ดูจะตื่นเต้นมาก (หรือบางรายอาจจะตื่นกลัวก็ได้ แต่เรายังไม่เห็นเด็กคนไหนร้องไห้เลยนะ แค่เขยิบไปหลบหลังพ่อแม่เท่านั้น) อสูรปฏิบัติตามกฎอย่างเคร่งครัดว่าจะไม่หลอกให้เด็กกลัว และแค่เดินลากเท้าช้า ๆ หลอน ๆ ไปตามทางเดินเท่านั้น ส่วนผู้ติดตามก็มีหน้าที่ตอบคำถามและเล่าเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยที่หาอ่านไม่ได้ในแผ่นพับไปพลาง ๆ
อสุรกายออกเดินท่อม ๆ ไปตามห้องจัดนิทรรศการถาวร
สำหรับผลของการจัดงาน ตาลว่าวันนั้น เด็ก ๆ (และผู้ใหญ่เอง) คงไม่ได้มีกะจิตกะใจดูนิทรรศการเท่าไหร่ค่ะ เพราะเห็นใคร ๆ ต่างก็พากันออกตามหา ตามถ่ายรูปอสูรกันทั้งนั้นเลย ตาลก็ทำแบบนั้นเหมือนกัน 555 ก็เลยมีภาพกับเรื่องเล่ามาฝากตามที่เขียนไว้ด้านล่าง แต่ในแง่การนำเสนอเรื่องราวปรัมปราและความหลากหลายทางวัฒนธรรมนั้น ตาลให้เต็มสิบดาวไปเลย เพราะผู้ชมสนใจอสูรทั้ง 13 ตัวมาก และตอนจบงานก็มีคนมานั่งรอดูอสูรกันเต็มขั้นบันไดเลยค่ะ
อสูรทั้ง 11 ตน (ขออภัยที่เอามาลงไม่ครบ 13 เพราะห้องมืด ภาพเบลอไปเยอะ)
ข้อมูลตามลำดับภาพ (แปลมาจากข้อมูลภาษาเดนิชในแผ่นพับ + เรื่องที่ "ผู้ติดตาม" เล่าให้ฟัง)
Frau Perchta
ที่อยู่อาศัย: แถบเยอรมนี
ตำนาน: หากคุณพบหญิงสาวในผ้าคลุมยาวสีขาว ยืนอยู่ริมลำธารกลางป่า และรับรู้ได้ถึงพลังงานดึงดูดบางอย่าง จงระวังอย่าเข้าไปใกล้ เพราะเมื่อนางหันมาสบตาคุณเมื่อไหร่ คุณจะไม่อาจหนีนางพ้น ที่ผ่านมาทั้งปี คุณทำตัวดีหรือเปล่า ถ้าทำตัวดีพอก็อาจจะได้เหรียญเงินเป็นรางวัล แต่ถ้าไม่ล่ะก็ รับรองโดนจับยัดฟางแล้วถ่วงบ่อน้ำแน่ ๆ
เฟรา แพร์คตา อาจจะมีตำนานโหด ๆ แต่นางเป็นภูติที่มีหน้าที่ออกตามหาฤดูใบไม้ผลิ และพามันกลับมายังโลกเพื่อที่สรรพชีวิตดีงามต่าง ๆ จะได้เติบโตอีกครั้ง และเด็กดื้อก็ไม่มีค่าพอให้อยู่เห็นฤดูใบไม้ผลิหรอกนะ
Schnabelperchten
Stjernepiger
Ded Moroz
Joulupukki
Sankta Lucia
Knecht Ruprecht
Julebukken
Julekatten
Krampus
ที่อยู่อาศัย: ออสเตรีย ตำนาน: ครัมปุสมาพร้อมกับเสียงกระแทกไม้เท้าปัง ๆ เสียงระเบิด และเสียงโซ่ตรวนกระทบกัน หากได้ยินเสียงนี้ดังจากหุบเขาและเคลื่อนเข้ามาใกล้ ขอให้รีบหลบเข้าบ้านทันที เพราะอสูรร้ายเขายาวโง้งในชุดขนสัตว์กำลังมาพร้อมกับตะขอเหล็กน่ากลัว! ครัมปุสไม่ได้มีแค่ตัวเดียวแต่จะยกโขยงกันมาเดินไปทั่วเมืองเพื่อจับเด็ก ๆ มากิน ในออสเตรีย คืนวันที่ 5 ธันวาคม ถือกันว่าเป็นคืนของครัมปุส ที่ภูติพรายบนภูเขาจะเข้ามาเยือนเมืองมนุษย์ นี่อาจเป็นภูมิปัญญาโบราณเพื่อเตือนลูกหลานไม่ให้ออกไปยังภูเขาในช่วงฤดูหนาวแสนอันตราย
ข้อคิดที่ได้จากกิจกรรมนี้
อย่างแรกเลยคือ การจัดกิจกรรมแบบมุขปาถะช่วยสร้างสีสันให้พิพิธภัณฑ์และทำให้คนทุกวัยเข้าถึงองค์ความรู้ได้ง่ายขึ้น จัดนิทรรศการได้รวดเร็วขึ้น ไม่ต้องใช้พื้นที่หรืออุปกรณ์เยอะ ๆ
อย่างที่สองคือ นี่เป็นตัวอย่างที่ดีมาก ๆ ตัวอย่างหนึ่งของการใช้หนังสือเด็ก กรุยทางไปสู่การเรียนรู้เรื่องต่าง ๆ ในแหล่งเรียนรู้นอกบ้านอย่างพิพิธภัณฑ์ หรือกลับกันคือ ใช้พิพิธภัณฑ์พาเด็กไปอ่านหนังสือที่หลากหลายมากขึ้น
ส่วนตัวเราคิดว่า น่าจะเป็นเรื่องที่ดีมากเลยนะ หากวงการสื่อเด็กทำงานร่วมกันไปแบบนี้ได้บ่อย ๆ ทางพิพิธภัณฑ์เองก็มีร้านค้า วางขายหนังสือสำหรับเด็กที่เกี่ยวข้องกับนิทรรศการในพิพิธภัณฑ์ ส่วนผู้เขียน ผู้จัดทำหนังสือ/สื่อเด็กเองก็ทำงานร่วมกับนักวิชาการจากพิพิธภัณฑ์ต่าง ๆ เพื่อนำเนื้อหาวิชาการออกมาย่อยให้เด็กเข้าใจ และต่อยอดการเรียนรู้ควบคู่กันไป
รูปแบบการประสานงานที่ยอดเยี่ยมระหว่างหนังสือ สื่อ และกิจกรรม นิทรรศการสำหรับเด็กและครอบครัวยังมีอีกมาก หลังปีใหม่นี้ ตาลจะทยอยนำเสนอในให้ได้ชมกันอีกนะคะ
หวังว่าที่ผ่านมาปีนี้ Children's Books Out There จะได้นำเสนอเรื่องที่เป็นประโยชน์และสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้อ่านบ้างไม่มากก็น้อย
ขอบคุณที่ทุกคนให้การสนับสนุนเพจและเว็บไซต์ตลอดมา
คอมเมนต์ ไลก์ และข้อความที่ส่งเข้ามาเป็นกำลังใจให้ตาลมาเสมอ ต้องขอขอบคุณมาก ๆ เลยค่ะ
สุดท้ายนี้ก็...
สุขสันต์วันคริสต์มาส และสวัสดีปีใหม่นะคะทุกคน
Glædelige Jul og Godt Nytår!
*บทความนี้ตีพิมพ์ในเฟสบุ๊กเพจ Children's Books Out There ที่นี่
อ้างอิง
แผ่นพับ Julevæsner på Moesgaard: Har du været artig i ar? เดือนธันวาคม 2023
Comments