เทศกาลหนังสือเมืองแฟรงก์เฟิร์ตที่จัดทุกปี
ไม่ได้มีไว้แค่ขายหนังสือลดราคาให้นักอ่าน
แต่เป็นงานใหญ่ของสนพ. ทั่วโลกมาเจรจาซื้อขายลิขสิทธิ์
และแลกเปลี่ยนเทคโนโลยีการทำหนังสือกัน มันเป็นยังไง เราจะพาไปชมค่ะ
บรรยากาศในงาน Frankfurt Book Fair 2021
เมื่อปีที่แล้ว (2021) ตาลได้ไปร่วมงาน Frankfurt Book Fair
(FFBF หรือ Frankfurter Buchmesse, FBM ในภาษาเยอรมัน) ในฐานะผู้เข้าชมทั่วไปค่ะ ปกติงานจัด 5 วัน แต่ผู้ชมทั่วไปเข้าชมได้ในวันที่สามที่จัดงาน ตั้งแต่บ่ายสองค่ะ สองวันแรกเปิดให้เฉพาะคนในวงการหนังสือ ตัวแทนสนพ. ตัวแทนลิขสิทธิ์เข้าไปเจรจาซื้อขายกันเท่านั้นนะ ซึ่งค่าตั๋วแบบ Trader มันก็จะแพงกว่าผู้เข้าชมธรรมดามาก ๆ เลยค่ะ ก่อนไป ตาลได้ดูคลิปรีวิวปี 2015 เพื่อเตรียมตัวด้วย งานในปีนั้นน่าตื่นเต้นมากเลยค่ะ เป็นงานใหญ่มากกว่าปี 2021 เยอะเลย คนนำเที่ยวในวิดีโอเค้าเข้าไปด้วยตั๋ว Trade น่ะนะ คนก็จะเยอะเป็นพิเศษเพราะเค้ามาทำงานกัน อีกอย่างคือเพราะเป็นก่อนยุคโควิด-19 สนพ. และคนจากทวีปอื่นเดินทางสะดวกกว่า ไม่มีล็อกดาวน์ ตั๋วบินก็ยังไม่แพง งานจึงมีผู้เข้าชมและคนวางแผงขายหนังสือเยอะกว่ามาก ตอนที่ตาลไปมา คนขายหนังสือเขาว่ากันว่าขนาดงานหดลงไป 3 เท่า แต่แค่เท่าที่ไปเดินมานี่ก็ใช้เวลาเป็นวัน ๆ เลยนะคะกว่าจะเดินดูหมด 555
คลิปรีวิวปี 2015 โดยคุณ Leena
สำหรับใครที่ยังไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับ FFBF มาก่อน อยากรู้ว่ามันคืออะไร สำคัญยังไง เราได้รวบรวมมาไว้ให้แล้วในบทความนี้ค่ะ
FFBF เป็นมหกรรมหนังสือที่ใหญ่ที่สุดในโลก
จัดทุกช่วงกลางเดือนตุลาคม งานหนังสือเมืองแฟรงก์เฟิร์ตมีประวัติศาสตร์ที่ยาวนานมาก เท่าที่มีหลักฐานบันทึกไว้คือ มีมาตั้งแต่ศต. ที่ 15 เป็นต้นมา แต่นักประวัติศาสตร์สันนิษฐานว่า ก่อนหน้านั้นนั้นอาจจะมีเทศกาลขายหนังสือมาก่อนแล้วก็ได้ เพราะที่นี่เป็นแหล่งผลิตหนังสือสำคัญในยุโรปมาตั้งแต่ศต. ที่ 12 (ก่อนมีเครื่องพิมพ์ซะอีก)
ในศต. ที่ 17 FFBF กลายมาเป็นมหกรรมหนังสือใหญ่ของหลาย ๆ ประเทศในยุโรป สำหรับ FFBF ยุคสมัยใหม่นั้นเริ่มต้นหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ปี 1949 และดำเนินมาจนถึงปัจจุบัน
โดยจิตวิญญาณของงานแฟร์เมืองแฟรงเฟิร์ต
คุณลีนา เจ้าของคลิปใต้โพสต์นี้ได้สรุปไว้ในช่วงท้ายวิดีโอว่า คือ
"บรรยากาศของความร่วมมือระหว่างคนในวงการหนังสือ มากกว่าการแข่งขัน..."
"...เป็นที่ที่คนในวงการเดินทางมาเก็บเกี่ยวประสบการณ์และแลกเปลี่ยนความรู้ใหม่ ๆ เพื่อสร้างหนังสือที่ดีที่สุด ให้ทันเวลาที่สุด และมีปกที่สวยที่สุด..."
"...เพราะการทำหนังสือดีเยี่ยมยอดสักเล่ม หมายถึงการสร้างคนที่รักหนังสือเพิ่มขึ้นสักคน และการที่เรามีนักอ่านมากขึ้น ก็หมายถึงชัยชนะของทุกคนในวงการหนังสือนั่นเอง"
ฟังแล้วประทับใจจัง [//ปรบมือให้ดัง ๆ]
ในปีก่อน ๆ ที่ยังไม่มีโควิด FFBF เคยรองรับผู้จัดบูธถึง 7,000 กว่ารายชื่อ จากมากกว่า 100 ประเทศ ปีนี้งานหดลงเหลือประมาณมากว่า 1,500 บูธจาก 74 ประเทศ (โซแซด...) หลังจากที่เลื่อนจัดไปในปีที่แล้ว โดย Guest of Honour ประจำปีนี้ก็ยังเป็น แคนาดา อยู่เช่นเดิม
รู้หมือไร่?: ประเทศในกลุ่มอาเซียนของเราเคยไปเป็น Guest ครั้งนึงเมื่อปี 2015 ด้วยนะ... เอ... ใช่ ไทยแลนด์ หรือเปล่า? เปล่าค่ะ อินโดนีเซีย นั่นเอง!
ตอนที่ตาลทำงานสนพ. อยู่ เคยได้ยินมาว่า อินโดนีเซียเนี่ย เค้ามีซัพพอร์ตระบบหนังสือที่น่าสนใจ คือรัฐจะให้เงินสนับสนุนสนพ. ต่างประเทศที่แปลผลงานวรรณกรรมของอินโดนีเซียด้วยนะคะ (ไม่รู้ตอนนี้ยังมีมาตรการนี้อยู่หรือเปล่า มีสนพ. ไหนในไทยได้ลองแปลหนังสืออินโดนีเซียบ้างแล้วยังคะ?)
The Hof อีเวนต์ออนไลน์ สำหรับสังสรรค์ทำความรู้จักกับเพื่อนร่วมวงการ
นอกจากงานเทรดหนังสือแล้ว FFBF ก็ยังได้จัดอีเวนต์คู่ขนานทั้งออนไลน์ออฟไลน์ในเมือง รวมถึง Master Class ผ่านซูม สำหรับผู้สนใจด้วย ตาลเพิ่งเคยเข้าระบบของ FFBF เป็นครั้งแรก ยังงง ๆ อยู่บ้างเลยไม่ทันได้แจ้งข่าวนี้กับทุกคน แต่ว่า ตาลยังพอมีคลิปย้อนหลังสำหรับบางอีเวนต์ที่ได้ลงทะเบียนไว้ ส่วนใหญ่เกี่ยวกับการเทคโนโลยีทำ Audio Book และ การทำมาร์เก็ตติงหนังสือผ่านช่องทาง Tik Tok หรือที่เรียกว่า Book Tok นะคะ
ปีนี้เทคโนโลยี Audio Book มาแรงมาก ส่วนหนึ่งเพราะล็อกดาวน์ และอีกส่วนคือเทรนด์การทำให้หนังสือเข้าถึงผู้อ่านได้หลากหลายมากขึ้น โดยเฉพาะผู้อ่านที่ไม่อยากอ่าน แต่อยากฟัง ผู้พิการทางการมองเห็น ฯลฯ ปีนี้ไม่เห็นสนพ. ในไทยไปร่วมงานเลย (น่าจะเพราะพิษโควิด) ขอแต่งตั้งตัวเองตัวเองเป็นตัวแทนหมู่บ้านไปชิมลางให้แล้วกันค่า
แล้วรอติดตามตอนต่อไปกันนะคะ
*บทความนี้ตีพิมพ์ครั้งแรก ที่นี่
อ้างอิง https://en.wikipedia.org/wiki/Frankfurt_Book_Fair https://publishingperspectives.com/.../frankfurter.../ https://www.buchmesse.de/en
Comments